โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการปรับลดค่าเอฟทีในงวดนี้ คือ ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับลดลงตามราคาน้ำมันเตาเฉลี่ยย้อนหลัง 6-18 เดือนที่มีการปรับลดไปก่อนหน้า และการเลื่อนจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ และการยกเลิกสัญญาของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้พลังงานหมุนเวียนจำนวนหนึ่ง ทำให้ค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐในการรับซื้อไฟฟ้ารูปแบบ Adder และ FiT ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ล่าสุด PTTEP เปิดเผยว่า การหยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในโครงการ S1 จะส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำมันดิบลดลงประมาณ 15,000 บาร์เรล/วัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ลดลงประมาณ 130 ตัน/วัน และก๊าซธรรมชาติ ลดลงประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 4-5 ของปริมาณการขายคาดการณ์เฉลี่ยทั้งปี 60 ที่ประมาณ 300,000-310,000 บาร์เรล/วัน
ขณะที่ผลงานในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 1.8 แสนล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) จะสนับสนุนรายได้ทั้งปีให้ได้ตามเป้าหมาย แต่ยอมรับว่าบริษัทยังเผชิญการขาดทุน โดยในปีนี้มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่จ่ายเพียงครั้งเดียว คือ ผลด้อยค่าสินทรัพย์หรือเครื่องบินเก่า 12,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจจาก 3,700 ล้านบาท
gold star slot
kDxFvU0R2l